Defeature Tool กับ SOLIDWORKS

Defeature Tool คืออะไร ถ้าให้แปลตรง ๆ ตัวก็คือเครื่องมือการลบฟีเจอร์ แล้วทำไมเราต้องลบฟีเจอร์ด้วยล่ะ ในเมื่อเราใช้ SOLIDWORKS เพื่อการสร้างฟีเจอร์ขึ้นมา หลาย ๆ คนอาจจะเคยถามแบบนี้ งั้นวันนี้เราลองมาดูกันครับว่า Defeature Tool คืออะไรกันครับและมีประโยชน์อย่างไรต่อการทำงาน

Defeature Tool คือเครื่องมือในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน โดยปกติแล้วเราจะเขียนแบบแบบ Full Detail เพื่อกำหนดรูปร่างของชิ้นงานที่เฉพาะตัวและสมบูรณ์ที่สุดเพื่อให้ชิ้นงานสามารถทำงานได้ตามที่ต้องการและสามารถตรวจสอบความถูกต้องของชิ้นงานจากการผลิตได้ว่าไม่มีส่วนไหนที่ผิดพลาด แต่หากชิ้นงาน Full Detail นั้นอย่างเช่นสกรู ที่มีทั้งเกลียว การทำFillet การทำ Chamfer หรือชิ้นงานที่มีรู มีร่อง รอยบากที่อยู่ในชิ้นงานนั้น หากชิ้นงานนั้นมีเพียงไม่กี่ร้อยชิ้นคงจะไม่ส่งผลอะไร แต่หากว่ามีชิ้นงานหลายพันหลายหมื่นชิ้นที่มี Full Detail ครบถ้วนแล้วก็จะเห็นถึงปัญหาความช้าหรือ Lack ที่มีขึ้นได้ ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อระยะเวลาที่ใช้ในการทำงาน การมี Defeature Tool นั้นก็เพื่อการนี้ อย่างที่ได้กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่าเป็นเครื่องมือในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานก็ด้วยเนื่องจาก Defeature tool นี้จะช่วยในการนำส่วนฟีเจอร์ที่มีผลกระทบน้อยต่อฟังก์ชันการทำงานของชิ้นงานออก ในขณะที่ยังคงส่วนประกอบหลักหรือจุดอ้างอิงต่าง ๆ ไว้ แล้วทำการเซฟเป็นไฟล์ใหม่ที่ยังคงอ้างอิงกับไฟล์เดิมอยู่ แล้วเราสามารถที่จะใช้ไฟล์นั้นส่งต่อไปทำงานในส่วนอื่น ๆ ต่อไปได้

ลองมาดูตัวอย่างกันครับ จากรูปจะเห็นชิ้นงานฝาที่มีการทำ Fillet และ pattern ลายสี่เหลี่ยมไปตามความโค้งของฝา โดยฝานี้จะถูกส่งต่อไปให้หน่วยงานวิเคราะห์ความแข็งแรงทางโครงสร้างซึ่งต้องการสร้าง Mesh แต่ทางหน่วยงานนั้นคอมเมนต์มาว่า ช่วยเอา fillet และ pattern ลายสี่เหลี่ยมออกได้ไหม ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่มีผลต่อความแข็งแรงและทำให้ Mesh ไม่มีคุณภาพซึ่งจะส่งผลต่อผลลัพ์ของการคำนวนโดยองค์รวม

เครื่องมือ Defeature Tool นั้นสามารถเรียกงานได้ที่ Tool > Defeature.. ครับ เมื่อเข้ามาสู่หน้าต่างของเครื่องมือแล้วนั้น ผมกด Next เพื่อข้ามมายังหน้าต่างที่ให้เลือกว่าจะเอาผิวหรือฟีเจอร์ไหนออกบ้าง ในที่นี้ผมได้เลือก Fillet และ pattern ลายสี่เหลี่ยม และกด Next เพื่อไปที่ Step ต่อไป

รูปทางด้านขวานั้นจะเป็นพรีวิวของการนำฟีเจอร์ที่เรียกไว้ออก จะเห็นได้ว่าชิ้นงานนั้นมีความซับซ้อนน้อยลง และเพียงพอต่อความต้องการที่จะนำไปใช้ในการสร้าง Mesh เพื่อวิเคราะห์ความแข็งแรงต่อไป

ผมได้ทดลองทำการวิเคราะห์ทางความแข็งแรง เริ่มต้นกันที่ Mesh รูปทางซายคือชิ้นงานปกติ ส่วนรูปทางขวาคือชิ้นงานที่ทำ Defeature แล้ว จะเห็นว่า Mesh จะไปเกาะกลุ่มอยู่ในส่วนที่เป็น Pattern สีเหลี่ยม และให้จำนวนอิลิเมนต์ทั้งหมดที่ 10376 อิลิเมนต์ ในขณะที่ชิ้นงานที่ทำ Defeature แล้วนั้น จะเห็นว่ามีอิลิเมนต์ทั้งหมดที่ 8787 ซึ่งน้อยกว่า และผลลัพธ์ที่ได้จากกรวิเคราะห์จะเห็นว่า ไม่ต่างกัน ซึ่งทำให้เรานั้นประหยัดเวลาในการออกแบบวิเคราะห์ลงไปอย่างมากในช่วงเฟสของการออกแบบชิ้นงาน