บริการพิมพ์งาน 3 มิติ

ด้วยเครื่องชั้นนำระดับ Industries Grade ครบวงจร

ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี MJF, SLA หรือ FFF และมีวัสดุให้เลือกพิมพ์มากกว่า 20 ชนิด

ไม่มีจำนวนขั้นต่ำในการสั่งพิมพ์!!

ขั้นตอนในการส่งไฟล์เพื่อสั่งพิมพ์งาน 3 มิติ

รองรับการพิมพ์งานที่หลากหลาย พร้อมชนิดของวัสดุที่เรามีให้คุณเลือกมากมาย

Metro-Send 3D model files

1. ส่งไฟล์โมเดล 3 มิติ

สำหรับไฟล์ที่ใช้ปริ้นจะต้องเป็นไฟล์ที่มีนามสกุล STL, OBJ, STP ซึ่งถ้าไฟล์มีขนาดไม่เกิน 10 MB สามารถส่งไฟล์ผ่านแบบฟอร์มสำหรับปริ้นงานได้เลย แต่ถ้าไฟล์มีขนาดใหญ่เกิน 10 MB ลูกค้าจำเป็นต้องใช้บริการ ฝากไฟล์กับ Google Drive, Dropbox หรือ Onedrive แล้วส่ง Link ที่ทำการฝากไฟล์มาที่อีเมล์ ………

Metro-3d-printer

2. ตรวจสอบและเช็คไฟล์งาน

หลังจากทางบริษัทได้รับไฟล์และรายละเอียดจากลูกค้าแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปเพื่อสอบถามรายละเอียดและให้คำแนะนำเกี่ยวกับงานที่จะพิมพ์หลังจากนั้น ทางบริษัทจะทำการส่งใบเสนอราคา พร้อมแจ้งกำหนดการส่งสินค้า ให้ทราบเมื่อตกลงตามเงื่อนไขแล้ว ให้ลูกค้าลงนามและยืนยันการสั่งซื้อเพื่อดำเนินการผลิตต่อไป

Metor-3d-printer-Start printing and delivery (1)

3. เริ่มพิมพ์งานและจัดส่ง

หลังจากได้รับการยืนยัน ทางบริษัทจะเริ่มกระบวนการพิมพ์ 3 มิติให้ ซึ่งหลังจากพิมพ์เสร็จ ทางบริษัทจะทำการตกแต่งและตัดส่วนที่เป็นตัวรองรับ หรือ Support ให้ และเก็บงานให้ส่วนหนึ่ง ซึ่งลูกค้าจะต้องไปทำต่อในส่วนของการขัดแต่งและลงสีเอง (Finishing) แต่ถ้าลูกค้าอยากให้ทางบริษัทจัดการขัดแต่งและทำสีให้ ก็สามารถแจ้งได้ แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ในส่วนของการจัดส่งชิ้นงานนั้นจะขึ้นอยู่กับทางลูกค้าว่าจะให้จัดส่งสินค้าในช่องทางใด หรือจะเข้ามารับเองที่บริษัทก็ได้

ข้อแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ

เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายรูปแบบ  แล้วแต่ละแบบนั้นแตกต่างอย่างไร

แบบไหนที่จะตอบโจทย์การทำงานมากที่สุด ทั้งความแข็งแรงและต้นทุนในการพิมพ์ชิ้นงาน

Fused filament fabrication (FFF)

FFF เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติที่ใช้กันมากที่สุดเนื่องจากใช้งานง่ายและไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีที่รุนแรง และใช้วัตถุดิบที่มีโดยทั่วไปเรียกว่าเส้นใย Filament มีความขนาด 2.85 มม. และ 1.75 มม.โดยทั่วไปเป็นเทอร์โมพลาสติก กระบวนการ FFF จะอัดใยผ่านหัวฉีดที่มีความร้อนซึ่งติดตั้งบนระบบการเคลื่อนไหวที่เคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ของพื้นที่สร้าง เส้นใยFilament ที่ละลายจากหัวฉีดจะถูกสะสมลงบนแผ่นสร้างซึ่งจะทำให้เย็นลงและแข็งตัวจนเป็นชั้น จากนั้นแผ่นสร้างจะเลื่อนลงมาที่ละชั้นเพื่อเริ่มชั้นใหม่ กระบวนการนี้จะทำซ้ำจนกว่าวัตถุที่สมบูรณ์จะถูกสร้างขึ้น

Stereolithography (SLA)

ใช้เรซินที่รักษาด้วยรังสียูวีเป็นวัตถุดิบ. เรซินถูกเทลงในภาชนะที่มีก้นแก้วซึ่งแท่นสร้างจะจมอยู่ใต้น้ำ เลเซอร์ UV หรือโปรเจ็กเตอร์ DLP จะฉายแสง UV บนเรซินเพื่อคัดเลือกให้แข็งเป็นชั้นแนวนอนของข้อมูล CAD จากนั้นแพลตฟอร์มจะยกออกจากภาชนะปล่อยให้เรซินที่ยังไม่ผ่านการเคลือบระดับออกมา กระบวนการนี้จะทำซ้ำจนกว่าวัตถุที่สมบูรณ์จะถูกสร้างขึ้น

Multi Jet Fusion (MJF)

Multi Jet Fusion ใช้อาร์เรย์อิงค์เจ็ทเพื่อใช้หมึกผสาน fusing and detailing agents เพื่อหลอมรวมผงไนลอนบนเตียงสร้าง ซึ่งจะหลอมรวมด้วยความร้อนให้เป็นชั้นทึบ หลังจากแต่ละชั้นแป้งจะถูกกระจายไปที่ด้านบนของเตียงและทำซ้ำขั้นตอนจนกว่าชิ้นส่วนจะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อการสร้างเสร็จสิ้นแป้งฝุ่นทั้งหมดที่มีชิ้นส่วนห่อหุ้มจะถูกย้ายไปยังสถานีประมวลผลซึ่งส่วนใหญ่ของแป้งฝุ่นจะถูกกำจัดออกโดยสูญญากาศในตัว จากนั้นชิ้นส่วนต่างๆจะถูกทุบเพื่อขจัดผงที่เหลืออยู่ออกก่อนที่จะไปถึงแผนกตกแต่งที่ย้อมเป็นสีดำเพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ของเครื่องสำอาง

บริการพิมพ์งาน 3 มิติ

ทางบริษัทเปิดรับและให้บริการ ปริ้นงาน 3 มิติ ซึ่งที่บริษัทจะมีเครื่องให้บริการ หลากหลายรุ่น ทั้งแบบฉีดพลาสติก FDM, พิมพ์เรซิ่น SLA รวมไปถึงพิมพ์ผงไนลอน ที่เป็นระบบ SLS ลูกค้าสามารถที่จะเลือกวัสดุและความละเอียดในการพิมพ์ได้ ในส่วนของขนาดชิ้นงานโมเดล 3 มิติ ที่ทางบริษัทให้บริการปริ้น 3D นั้น จะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีในการพิมพ์ ซึ่งลูกค้าสามารถดูตารางขนาดชิ้นงานที่สามารถพิมพ์ได้ ในแต่ละเทคโนโลยี แต่ถ้าลูกค้าไม่แน่ใจ ว่าจะเลือกวัสดุแบบไหน ในการพิมพ์ ก็สามารถติดต่อมาที่บริษัท หรือจะ Add Line เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมก็ได้ กด ที่นี้ เพื่อ Add Line

Multi Jet Fusion (MJF)

เทคโนโลยีที่ทันสมัย พิมพ์ด้วยการพ่น binding agent ลงบนถังวัสดุ PA12 แล้วทำให้แข็งด้วยความร้อนและแสงอินฟราเรดจนชิ้นงานแข็งตัวเป็นชั้นๆ

Stereolithography (SLA)

เป็นระบบพิมพ์ที่ทำงานโดยการฉายแสง UV ลงไปในบ่อเรซิ่น ทำให้เรซิ่นแข็งตัวเป็นชั้นๆ จนได้ชิ้นงาน 3 มิติออกมา

Fused filament fabrication (FFF)

เป็นระบบปริ้น 3D ที่ใช้กันมากที่สุด ทำให้ชิ้นงานที่พิมพ์ออกมามีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับระบบพิมพ์รูปแบบอื่นๆ ทำงานโดยการฉีดเส้นพลาสติกลงเป็นชั้น ต่อขึ้นไปจนได้ชิ้นงานออกมา