2. การควบคุมคุณภาพ (Quality Control)
• 3D Scanner ช่วยตรวจสอบความแม่นยำของชิ้นส่วนที่ผลิต เทียบกับแบบ CAD เดิม
• ช่วยตรวจหาข้อบกพร่องหรือการเบี่ยงเบนจากขนาดมาตรฐานได้อย่างรวดเร็ว
• เพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบคุณภาพ โดยไม่ต้องใช้วิธีวัดแบบดั้งเดิมที่ซับซ้อน
3. การผลิตชิ้นส่วนที่ซับซ้อน (Complex Manufacturing)
• การผลิตแม่พิมพ์:
ช่วยสร้างแม่พิมพ์ที่มีความละเอียดสูงสำหรับการผลิตสินค้าจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ หรืออิเล็กทรอนิกส์
• การประกอบชิ้นส่วน:
ช่วยตรวจสอบความพอดีของชิ้นส่วนในกระบวนการประกอบ
4. การซ่อมบำรุงและปรับปรุง (Maintenance & Repair)
• 3D Scanner ช่วยสร้างแบบจำลองของชิ้นส่วนที่เสียหาย และนำไปผลิตใหม่หรือซ่อมแซม
• ใช้ตรวจสอบความสึกหรอของเครื่องจักร เช่น ใบพัดเทอร์ไบน์ หรือแม่พิมพ์ที่ต้องการความแม่นยำสูง
5. การสำรวจและวิเคราะห์ในงานก่อสร้างและวิศวกรรม (Construction & Engineering)
• BIM (Building Information Modeling): 3D Scanner ใช้เก็บข้อมูลสภาพจริงของอาคารหรือโครงสร้าง เพื่อนำไปวิเคราะห์หรือวางแผนการปรับปรุง
• การสำรวจภูมิประเทศ: ใช้ในโครงการขนาดใหญ่ เช่น การสร้างถนน สะพาน หรือเขื่อน
6. การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ (Cost Reduction & Efficiency)
• ลดเวลาในการวัดและตรวจสอบแบบดั้งเดิม
• ลดการสูญเสียจากการผลิตชิ้นส่วนที่ผิดพลาด
• เพิ่มความเร็วในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาด (Time-to-Market)
ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่ใช้ 3D Scanner
1. อุตสาหกรรมยานยนต์: ใช้ในการออกแบบรถยนต์ ตรวจสอบความแม่นยำของชิ้นส่วน และวิเคราะห์การชน (Crash Analysis)
2. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ: ตรวจสอบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ใบพัด หรือชิ้นส่วนที่ต้องการความปลอดภัยสูง
3. อุตสาหกรรมการแพทย์: ใช้ในการผลิตอุปกรณ์การแพทย์ เช่น ข้อต่อเทียม และการสร้างแบบจำลองของอวัยวะ
4. อุตสาหกรรมพลังงาน: ใช้ตรวจสอบใบพัดกังหันลม หรือโครงสร้างใต้ทะเล เช่น ท่อส่งน้ำมัน
3D Scanner จึงเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความเร็วในกระบวนการต่าง ๆ ทำให้อุตสาหกรรมสามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัลและการผลิตแบบอัจฉริยะ (Smart Manufacturing)
ติดต่อสอบถาม สั่งซื้อสินค้า หรือนัดเยี่ยมชมโชว์รูม:
Metro Systems Corporation Plc.
บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
โทร: 02-089-4145 (จ-ศ 8.30 – 17.00 น.)