สำหรับใครที่กำลังมองหาโปรแกรมเขียนแแบบสองมิติที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่าที่สุด DraftSight เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ช่วยในการเขียนแบบสองมิติที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งความสามารถในการทำงานในระดับมืออาชีพ สามารถใช้ร่วมกับไฟล์ 2D CAD ได้ทุกชนิด ซึ่ง DraftSight จะเหมาะสำหรับงานทางด้านสถาปัต , วิศวกรรม, และงานก่อสร้าง หรือที่เรียกย่อๆว่า AEC (Architecture, Engineering, and Construction) รวมไปถึงสามารถรองรับผู้ใช้งานที่เป็น Designer, นักเรียน นักศึกษา, และผู้สนใจทั่วไป
ซึ่งในปี 2022 โปรแกรม DraftSight ได้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานใหม่ๆ ที่จะช่วยให้การทำงานของโปรแกรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงการใส่ใจในรายละเอียดและการรับฟังข้อคิดเห็นของผู้ใช้งาน ทำให้ผู้พัฒนาโปรแกรม DraftSight สามารถทำฟีเจอร์หรือการพัฒนาความสามารถของโปรแกรมบางอย่างออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้โดยตรง เช่น การพัฒนาหน้าตาโปรแกรมหรือ User Interface ให้ใช้งานง่ายและ User Friendly มากขึ้น และที่สำคัญโปรแกรม DraftSight ได้เพิ่มฟีเจอร์สุดคูล ที่จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
1. Dark Mode : ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งาน DraftSight พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “รอมานานแล้ว” Dark Mode feature คือการเปลี่ยนหน้าจอ Interface สีตัวอักษร และไอคอนต่างๆ ให้มีความดาร์คหรือมืดขึ้น ซึ่งจะช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ของการใช้งานโปรแกรม DraftSight แบบใหม่ ประโยชน์ของหน้าจอ Dark Mode ก็คือ ช่วยถนอมสายตาของผู้ใช้งาน ลดอาการล้าของสายตาจากการเพ่งหน้าจอจากโหมดสว่าง ทำให้คุณยังสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย (รูปที่ 1)
2. Spline Enhancements : สำหรับผู้ใช้งานที่ชอบวาดเส้น Spline ในเวอร์ชั่น 2022 นี้ DraftSight จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างและควบคุมเส้น Spline ได้ง่ายมากขึ้น โดยปกติแล้วการสร้าง Splineจะใช้วิธีที่เรียกว่า Fit Points หรือการสร้างจุดต่อๆกันจากนั้นเส้น Spline จะลากไปตามจุดนั้นๆ (รูปที่2) และในเวอร์ชั่น 2022 ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Spline ด้วยด้วยวิธี Control Vertices (CV)โดย Spline จะถูกสร้างโดยอ้างอิงเส้นที่เชื่อมระหว่างจุดที่สร้างขึ้นมาแทน (รูปที่3) โดยเราสามารถควบคุมความโค้งของ Spline เพิ่มหรือลบจุดอ้างอิง หรือเปลี่ยนกลับไปมาระหว่างแบบ Fit points หรือแบบ Control Vertices (รูปที่4)
และในเวอร์ชั่น 2022 ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Spline ด้วยด้วยวิธี Control Vertices (CV) โดย Spline จะถูกสร้างโดยอ้างอิงเส้นที่เชื่อมระหว่างจุดที่สร้างขึ้นมาแทน (รูปที่3) โดยเราสามารถควบคุมความโค้งของ Spline เพิ่มหรือลบจุดอ้างอิง หรือเปลี่ยนกลับไปมาระหว่างแบบ Fit points หรือแบบ Control Vertices (รูปที่4)
3. Custom Blocks: ในเวอร์ชั่น 2020 DraftSight จะสามารถรองรับไฟล์ที่มี feature Dynamic Blocks จากAutoCAD® ได้ แต่สำหรับเวอร์ชั่น 2022 ได้เพิ่มความสามารถให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ไข Dynamic Blocks แบบเต็มรูปแบบ
(รูปที่ 5 ตัวอย่าง Custom Blocks ในการปรับมุมของเส้น)
ผู้ใช้งานที่ต้องการแก้ไข Dynamic Block ในโปรแกรม DraftSight ก่อนอื่นต้องทำให้ Dynamic Block เป็น Custom Block โดยการคลิกขวาไปที่เส้นที่เป็น Dynamic Block จากนั้นเลือกไปที่คำสั่ง Convert to Custom Block (รูปที่ 6)
หลังจากนั้น Tab คำสั่งต่างๆในการแก้ไข Custom Block จะโชว์ขึ้นด้านบน ซึ่งจะมีคำสั่งต่างๆที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานปรับแต่ง Custom Block (รูปที่ 7)
4. Sheet Set Manager : เครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Sheet Sets และจัดระเบียบไฟล์ต่างๆที่มีจำนวนมาก ให้เป็นรูปแบบของ List ที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถใช้งานควบคู่ไปกับฟังก์ชั่น เช่น เปิดไฟล์เพื่อแก้ไข, Pack and Go, Publish เป็นต้น
(รูปที่ 8 การจัดการไฟล์ผ่าน Sheet Set Manager)
(รูปที่ 9 การแก้ไขไฟล์ผ่าน Sheet Set Manager)
แปลและเรียบเรียงบทความจาก:
https://blog.draftsight.com
https://blogs.solidworks.com/solidworksblog/2021/10/increase-your-productivity-with-the-new-features-in-draftsight-2022.html
บทความโดย Metro Systems ในส่วนงาน Design Engineering Solutions
- ติดต่อเราได้ที่ โทร 02-089-4145 (จ-ศ 8.30 – 17.00 น.)
- เว็บไซต์ https://metrosystems-des.com/
- ขอ DEMO ออนไลน์ LINE@ คลิก https://bit.ly/2yrNF24
- YouTube https://www.youtube.com/user/MetroSolidWorks
- Facebook Fanpage https://www.facebook.com/metrosolidworks/